วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

Reformation, Martin Luther และดนตรีตะวันตก

-การปฏิรูปศาสนา (Protestant Reformation)
การปฏิรูปศาสนาของนิกายโปรเตสแตนต์ เกิดขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 16 และเสร็จสิ้นลงด้วยสนธิสัญญาสันติภาพเวสต์ฟาเลีย ค.ศ. 1648 ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 กระแสใหญ่ๆคือ 1. การปฏิรูปภายนอกที่แบ่งศาสนาคริสต์ออกเป็น 2 นิกายคือ โรมันคาทอลิก และโปรเตสแตนต์ 2. การปฏิรูปภายใน ที่แก้ไขความเสื่อมโทรมของศาสนา และสถาบันสันตะปาปา เพื่อต่อสู้ไม่ให้ชาวยุโรปหันไปนิยมนิกายโปแตสแตนท์ที่เกิดขึ้นใหม่
การปฏิรูปศาสนานั้นได้มีการเริ่มมาจากความไม่พอใจของสงฆ์ที่มีธรรมะ และสามัญชนที่ผิดหวังในสถาบันศาสนา ประกอบกับมีการผันแปรทางการเมือง ทัศนคติทำให้ผู้ที่ปรารถนาจะแก้ไขความเสื่อมในศาสนากล้าที่จะประกาศตนออกจากสถาบันศาสนา โดยไม่ต้องหวาดกลัวต่อชะตากรรมแบบ “ลอยแพ” ของสังคมในยุคกลางอีกต่อไป
จุดเริ่มต้นขบวนการปฏิรูปศาสนา
1. ผลงานวิทยานิพนธ์ “เทวนคร” (City of God)ของออกัสตินแห่งเมืองฮิปโป ที่เป็นแรงบันดาลใจในหมู่นักปฏิรูป
2. ขบวนการฮุสไซท์ (The Hussites) กลุ่มผู้ติดตามจอห์น ฮุส (John Huss) ชื่อหลักการ Utraquism คือ ฆราวาสมีสิทธิเช่นเดียวกับสงฆ์ในพิธีรับศีลมหาสนิท ที่จะรับทั้งขนมปังและเหล้า โดยในสมัยนั้นฆราวาสจะรับได้เพียงขนมปังและน้ำเท่านั้น ซึ่งเบื้องหลังคือการกดดันให้สถาบันสันตะปาปา และคณะกรรมาธิการศาสนา (Council Authority) ยอมรับว่าทั้งบรรพชิตและฆราวาสนั้นเท่าเทียมกัน และพระคัมภีร์เท่านั้นที่มีอำนาจสูงสุดในศาสนกิจ โดยภายหลังการปฏิรูปศาสนากลุ่มฮัสไซท์ได้เข้ารวมกับพวกติดตามลูเทอร์
3. ขบวนการลอล์ลาร์ด (The Lollard Movement) ของจอห์น วิคลิฟฟ์ (John Wycliffe) ที่เน้นการปรับปรุงศาสนาให้เข้ากับความต้องการของสามัญชน เน้นการเทศนาสั่งสอนมากกว่าการรับศีล ต่อต้านการสารภาพบาป การสวดมนต์ให้แก่ผู้สิ้นชีวิตแล้ว การเดินทางไปจาริกแสวงบุญ การเชื่อเครื่องรางของขลัง และเริ่มการใช้พระคัมภีร์ไบเบิลที่แปลเป็นภาษาพื้นเมือง เพื่อให้ชาวบ้านได้ศึกษาพระคัมภีร์ด้วยตนเองแทนการพึ่งพิงพระที่ใช้พระคัมภีร์ภาษาละติน โดยขบวนการลอล์ลาร์ดนี้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับการปฏิรูปศาสนาระยะแรกภายใต้มาร์ติน ลูเทอร์
Martin Luther และการการปฏิรูปศาสนา
Martin Luther เกิดเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ค.ศ. 1483 ที่แซกซอน ประเทศเยอรมันนี ซึ่งเดิมทีเป็นบุตรของคนยากจน แต่มีโอกาสได้ร้ำเรียนการศึกษาระดับสูงจนจบปริญญาเอก และมีโอกาสเข้าสู่ชีวิตนักบวชและแสวงบุญที่กรุงโรม และได้เห็นว่าสังฆราชมีชีวิตฟุ้งเฟ้อจนเกินไป จึงเห็นควรที่จะมีการเปลี่ยนแปลงทางศาสนา เมื่อเขากลับไปเยอรมัน เขาได้เขียนเอกสารโจมตีการกระทำชั่วร้ายต่างๆนานา มาติดที่ประตูของวิหารวิทเทนเบิร์ก ในขณะนั้น Luther ได้รับการสนับสนุนจากอิเล็กเตอร์แห่งแซกโซนี ซึ่งให้ Lutherไปเก็บตัวอยู่ในปราสาท Wartburg เพื่อความปลอดภัย และที่นั่นเอง Luther ได้แปลคัมภีร์ไบเบิลเป็นภาษายอรมันเป็นครั้งแรก ทำให้นิกายลูเธอร์แรน และได้กระจายคำสอน ไปทั่วเยอรมนี ด้วยความช่วยเหลือจากบรรดาเจ้าครองแคว้น ที่ต้องการจะหลุดพ้นจากอำนาจของจักรพรรดิที่ใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือ ความคิดของ Luther จึงได้รับการสนับสนุนและได้แพ่หลาย ออกไปทั่วยุโรป การเคลื่อนไหวดังกล่าว ทำให้พระสันตะปาปา และฝ่ายสังฆราช ไม่พอใจและประกาศขับไล่ Luther (1521)
แนวคิดพื้นฐานของ Martin Luther มีอยู่ว่ามนุษย์สามารถหลุดพ้นก็โดยมีศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้นและเมื่อเป็นเช่นนั้นจึงไม่ต้องการพระหรือการบริการของศาสนจักรคาทอลิกมาคั่นขวางระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า
เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าใจถึงคำสอนได้อย่างแท้จริงและไม่ตกเป็นเหยื่อของเหล่าพระผู้ละโมบที่ต้องการหาประโยชน์จากศาสนา ทำให้นอกจากจะมีการแปรคำสอนแล้วเป็นภาษาอื่นแล้ว ยังไดจัดทำเพลงและพิธีกรรมใหม่ใหม่ทั้งหมด โดยยึดหลักในการทำให้ผู้คนเข้าใจหลักของคำสอนอย่างแท้จริง บท Chorale ของ Luther ที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ Ein’feste burg ist unser Gott (A mighty fortressis our God) Chorale บทนี้เป็นบทที่สำคัญมากที่สุด และส่งอิทธิพลไปยังนักประพันธ์หลายๆคนที่นำ Chorale บทนี้มาใช้ในงานของตนเพื่อสื่อถึงแนวคิดทางศาสนาต่างๆ

Alessandro Scarlatti

Alessandro Scarlatti
Alessandro Scarlatti เป็นนักแต่งเพลงชาวอิตาเลียนในยุคบาโรคตอนปลาย มีชื่อเสียงมาก จากการประพันธ์เพลงร้อง Alessandro Scarlatti เกิดเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ. 1660 ที่เมือง Palermo ประเทศ Sicily ในครอบครัวนักดนตรีอาชีพ ต่อมาในปี ค.ศ.1672 Alessandro Scarlatti ได้เดินทางไปกรุงโรม และได้เข้าเรียนดนตรีกับ Giacomo Cerissimi ซึ่งเป็นนักแต่งเพลงชาวอิตาเลียน ที่มีชื่อเสียง และมีความสำคัญในบทเพลงประเภท Oratorio และ Cantata 2ปีต่อมา Cerissimi ก็ถึงแก่กรรม Scarlatti จึงไปเรียนดนตรีต่อกับ Giovanni Legrenzi และ Alessandro Stradella นักแต่งเพลงชาวอิตาเลียน
Alessandro Scarlatti เริ่มมีชื่อเสียงจากการออกแสดง Opera เรื่องแรกของเขา L’errore Innocente ซึ่งแสดงครั้งแรกที่กรุงโรม เมื่อ ค.ศ. 1679 จาก Opera เรื่องนี้ ทำให้เขาได้มีโอกาสทำงานเป็นผู้กำกับวงดนตรีประจำโรงละครส่วนพระองค์ ให้กับพระราชินีคริสตินาแห่งสวีเดน ได้เสด็จไปทอดพระเนตร และพระองค์ทรงโปรดในผลงานของเขามาก จึงตกลงจ้างเขาให้เป็นผู้กำกับวงดนตรีประจำโรงละครส่วนพระองค์ และ Scarlatti ได้ทำงานอยู่ที่นั่น 4 ปี (ค.ศ.1680-1684) ระหว่างนั้นเขาได้ประพันธ์อุปรากรเรื่อง L’honesta negli amori (ค.ศ.1680) และII Pompeo (ค.ศ.1684) หลังจากออกแสดงเรื่องนี้ เขาก็ได้รับตำแหน่งผู้กำกับวงดนตรีของราชสำนักเมืองเนเปิลส์ ตั้งแต่ ค.ศ. 1684-1702 หลังจากที่เขาทำงานอยู่ที่นั้นถึง 18 ปี หลังจากนั้นเขาก็ย้ายไปทำงานในที่ต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานประพันธ์ Opera และเพลงร้องต่างๆ รวมถึงการพัฒนา Form ABA เรียกว่า Da capo aria ซึ่งจะมีอิทธิพลกับเพลงประเภท Concerto, Sonata และ Symphony เขาก็ถึงแก่กรรมที่เมือง Naplies ในวันที่ 22 ตุลาคม ค.ศ. 1725
ลูกศิษย์ของ Alessandro Scarlatti มีชื่อเสียงอยู่หลายคน เช่น Adolph Hasse , Francesco Durante นอกจากนี้ Scarlatti ได้ถูกยกย่องว่าเป็นนักแต่งเพลงผู้ยิ่งใหญ่และเป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียน Neopolitan School ซึ่งเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงในด้านดนตรีและการประพันธ์เพลง